วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อิ่มท้อง ลองของใหม่ที่ EST.33

The Nine, Rama IX road
ก่อนกลับบ้านแวะไปที่ Neighbourhood Mall เปิดใหม่ที่ชื่อ The Nine อยู่บนถนนพระราม 9 ตรงนี้เดิมเคยเป็น Premier พระราม 9 ครับ แต่ไม่ติด เลยปรับโฉมใหม่ คราวนี้คนตรึมเลย ที่จอดรถหากันแทบไม่ได้ นี่ขนาดร้านรวงต่างๆ ยังเปิดไม่หมดนะเนี่ย

ลองเดิน Mall ใหม่ซักพักท้องก็ร้อง จ๊อกๆ ซะแล้ว มองหาร้านอาหารซักพักก็พบว่ามีร้านอาหารเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็น Fast Food อาหารไทย อาหารญี่ปุ่น หรืออาหารฝรั่ง ท้ายสุดมาหยุดโป๊ะลงที่ EST.33 ลองซักมื้อ

ชุดไส้กรอก
จาน Appetizer คืนนี้เป็นจานไส้กรอก เค้าให้ไส้กรอกมาสามชิ้น เพราะมัวหิวเลยลืมถามว่าไส้กรอกชื่ออะไรบ้าง แท่งแรกเป็นสีนวลขาว แท่งใหญ่หน่อย น่าจะเป็นไส้กรอกเนื้อลูกวัว เส้นนี้รสชาติธรรมดาครับไม่ค่อยแตกต่างจากไส้กรอกรูปแบบเดียวกันที่อื่นๆ แท่งกลางสีแดงสด เป็นไส้กรอกหมูพริก มีไทยเม็ดฝังเป็นระยะตามความยาว ย่างแบบแห้ง ได้รสเนี้อเต็มๆ แบบไม่ติดมัน ไส้ที่ใช้ทําไส้กรอกเหนียวนิด ได้รสการกัดแบบฉีกขาด กร๊วม กร๊วม เหมือนแฟรงค์เฟริสต์ ถ้าแนวนี้ เส้นยาวสีแดงที่หนึ่งว่ารสชาติโอเคครับ ส่วนแท่งสุดท้ายเป็นแบบผสมๆ รสชาติก็ไม่เด่นนัก


Copper Beer
ต่อมาเป็นน้ำสีทอง พรายฟองไม่ค่อยมี เค้าตั้ง Slogan ว่า "The One The Only ครับ หรือชื่อ Copper Beer ผมลองแล้วดูว่าเป็นเบียร์กลิ่นหอมดอกฮอพแบบจางๆ ติดขมนิดๆ ไม่มาก ดีกรีไม่รุนแรง Body แน่นปานกลางไม่มากนัก น้ำสีทองออกน้ำตาลเข้มแต่รสยัง ไม่ติดลิ้นนะ ทางร้านเค้า Claim ว่า "เป็นเบียร์ที่บริวมาสเตอร์ของไทยผสมกับข้าว GABA หรือข้าวกล้องชั้นดี เพื่อให้ได้สีและรสชาติที่ลงตัว เติม Perle Hop กลิ่นหอมๆจากถิ่น Hallertaur ใน Niederbayen ประเทศเยอรมัน แหล่งปลูก Hops ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แล้วค่อยๆหมักบ่มอีกประมาณ 3 สัปดาห์ จนได้เบียร์สีทองแดงที่ไม่เหมือนใครเหมือน มีรสชาตินุ่มมี Body กำลังดี" ร้านเค้าว่าไว้อย่างนั้นครับ

เบียร์อีกสองแบบยังไม่ได้ลองครับ เป็นเบียร์ดำ กับ เลเกอร์เบียร์ ถ้าลองแล้ววันหลังจะมาเล่าให้ฟังว่าเป็นอย่างไร ที่ราคาที่เค้าตั้งไว้สำหรับเบียร์คือ 0.3 litre 120 บาท 0.5 litre 160 บาท และ Tower 950 บาทครับ

ไ่ก่บาบีคิว
จานหลักของผมคืนนี้เป็น "ไก่บาบีคิว" เมนูนี้เป็น เป็นไก่ย่างขนาดเล็กหนึ่งตัว เหมือนผัดกับกระเทียม หัวหอม หอมแดง อยู่ในจานเปลขนาดไม่ใหญ่มาก ถ้าไม่ทานอะไรมาก่อนก็อ่ิมพอดีได้ ไก่ย่างออกมาสีสวยครับ สีแดงปนน้ำตาลไหม้ กลิ่นลอยมาแตะจมูกทำเอาน้ำลายสอเหมือนกัน จานนี้เสริฟพร้อมน้ำจิ้มสามชนิด  จิ้มถ้วยแรกใกล้ภาพที่สุดเป็น น้ำจิ้มข้นกลิ่นบาบีคิว แต่ไม่ค่อยออกกลิ่นรมควันของบาบีคิวมากนักหรือเราอาจจะไม่คุ้นกับบาบีคิวทางยุโรปหรือเปล่าไม่ทราบแต่เมื่อชิมจะเจอกลิ่นบาบีคิวจาง รสเผ็ดปานกลางไม่จัดจนต้องขยับเบียร์มาดื่มแก้เผ็ด ตอนแรกตอนเห็นไก่บนจานคิดว่าเป็นไก่ครึ่งตัว กินไปกินมาสงสัยจะเป็นไก่ทั้งตัวละมั้งไม่ใช่ครึ่งตัว ก็ใช่ครับเพราะมีสองน่องมาให้ แต่เป็นไก่ตัวเล็ก มันไม่เยอะ เนื้อเหนียวเล็กน้อย ที่นี่ย่างไก่มีกลิ่นควันหอมๆ ติดที่หนังไก่ แต่เป็นการย่างไก่แบบแห้ง น้ำจิ้มถ้วยกลางเป็นถ้วยที่สอง รูปลักษณ์เป็นเหมือนน้ำจิ้มไก่ที่เราคุ้นเห็นกันทั่วไป รสชาติก็ออกน้ำจิ้มไก่แต่ค่อน ข้างติดเค็มไม่หวานเหมือนน้ำจิ้มไก่ใส่ขวดที่วางขายกันอยู่ ส่วนกลิ่นเหมือนติดเหมือนกลิ่นหอยแมลงภู่แถมมาด้วย (หวังว่าคงไม่ใช่มีหอยตกลงไปนะ) ส่วนน้ำจิ้มถวยที่สามเป็นแบบใสๆ ลองชิมดูแล้วคล้ายๆกับ เอาน้ำส้มสายชูมาผสมกับน้ำปลา โรยพริกป่น ตามด้วยผัก จานนี้ใครชอบทานไก่ย่าง แบบย่างแห้ง หนังเหนียวๆ หน่อย ลองจานนี้ได้ แต่ผมชอบแบบย่างแบบชุ่มน้ำเลยไม่ค่อยโอกับจานนี้เท่าไร

ก่อนกลับก็นั่งฟังเพลง Pop Jazz เบาๆ ท้องอิ่ม หมดไป 850 ครับ คืนวันนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น